fwdmail
คนสำคัญที่แท้จริง
“...ความสามัคคีเป็นสิ่งที่ดี เป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่บางคนกลับมีความสนุกและดีใจ ถ้าได้เห็นครอบครัวใด หมู่ใด สังคมใด ทะเลาะวิวาทและแตกสามัคคีกัน แทนที่จะหาทางระงับและช่วยสมานความสามัคคี เขากลับยุยงส่งเสริมให้เกิดมีการแบ่งพรรคแยกพวกขึ้น ให้คนเห็นว่า ตนเป็นคนสำคัญ แท้จริงแล้วเขามีค่าเพียงถ่านไฟเท่านั้น ธรรมดาถ่านไฟเมื่อยังร้อนอยู่ ใครเอามือจับมือก็พอง ถึงไม่มีไฟ เอามือจับเข้าก็เปื้อนมือ คนที่จะเป็นคนสำคัญจริงๆ นั้น ย่อมมีอัธยาศัยที่ยิ่งใหญ่ บูชาสามัคคีธรรม ไม่ส่งเสริมการแตกสามัคคีและหาทางสมานสามัคคี เห็นทุกคนเป็นเสมือนดังญาติพี่น้องร่วมสายโลหิต ไม่คิดแบ่งพรรคแยกพวกและมีอิสระแก่ตน ไม่ตกเป็นทาสอยู่ภายใต้อำนาจกิเลสตัวร้าย ไม่ยอมให้มันกดหัว ขี่คอ ข่มเหง และสั่งการให้ตนทำสิ่งชั่วร้ายบาปกรรมต่างๆ ที่จะทำให้ตนและคนอื่นได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ซึ่งวิญญูชนทั้งหลายไม่สรรเสริญเลย แต่พยายามยกระดับจิตใจให้อยู่เหนืออำนาจใฝ่ต่ำ คือ พยายามละบาปชั่วทั้งหลายแล้วตั้งใจทำบุญกุศลต่างๆ เนืองนิตย์ และชำระจิตใจให้บริสุทธิ์สะอาด ดังนี้ จึงจะชื่อว่า เป็นคนสำคัญที่แท้จริง...
ทำความดีทั้งในที่ลับและที่แจ้ง
“...ความริษยา การนินทา การใส่ร้าย มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ แต่เป็นงานของคนมีปมด้อย และจิตใจอ่อนแอ ผู้ที่มีจิตใจสูงและมั่นคงในคุณธรรม จะไม่มีลักษณะดังกล่าว แต่จะมีความหนักแน่นและยุติธรรมในสิ่งทั้งปวง จะคิดจะพูดและจะทำอะไรก็ประกอบด้วยเมตตาปรารถนาดีเป็นที่ตั้ง
ความลับไม่มีในโลก แม้จะเป็นความคิด คำพูด หรือการกระทำในที่ลับหลัง ไม่มีใครรู้เห็น ไม่ว่าในเรื่องชั่วหรือเรื่องดี ก็จะมีคนรู้หรือปรากฏออกมาเองสักวันจนได้ พระพุทธองค์จึงทรงสอนให้สำรวมระวัง มิให้ทำความชั่วทั้งไตรทวาร และทรงสอนให้ทำความดีทั้งไตรทวาร ไม่ว่าจะเป็นในที่ลับหรือในที่แจ้ง...
พึงรับฟังคำแนะนำตักเตือน
“...ทุกคนชอบและอยากให้คนชมสรรเสริญ ไม่ชอบและไม่อยากให้ใครตำหนิ แม้ว่าตนจะทำผิดก็ไม่ชอบให้ใครมาแนะนำตักเตือนการติเพื่อก่อ และคำแนะนำตักเตือนไม่เคยทำให้ใครเสียหาย แต่คำชมเชยสรรเสริญเยินยอต่างหาก ที่ทำให้ใครต่อใครเสียผู้เสียคนมามากแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นโลกธรรมที่มีอยู่คู่กับโลกมานานแล้วในโลกนี้ ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน คำสรรเสริญเยินยอนั้นเปรียบเหมือนน้ำหอมที่อาบศพ จะหอมอยู่เพียงชั่วครู่เท่านั้น ส่วนคำติเตียนนินทาเปรียบเสมือนกลิ่นเหม็นที่โชยมาตามลมแล้วก็ผ่านไป จึงไม่ควรหลงใหลในคำสรรเสริญเยินยอ และไม่ควรสยบซบเซาเพราะคำติเตียนนินทา ถึงแม้ทำสิ่งไม่ดี ถ้าหากถูกใจเขา เขาก็สรรเสริญเยินยอได้ ถึงแม้จะทำดี ถ้าหากไม่ชอบใจ เขาก็ติเตียนเอาได้ หลักการพิจารณา ถ้าหากเป็นคนพาล สรรเสริญหรือนินทา อย่าไปสนใจ แต่ถ้าหากวิญญูชนผู้ทรงศีลธรรมสรรเสริญหรือแนะนำตักเตือนแล้ว พึงรับไว้พิจารณาเถิด ไม่มีความเสื่อมเสีย มีแต่ความเจริญถ่ายเดียว...”
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น